Sufficiency Economy Initiative

(www.sufficiencyeconomy.com)

สู่การปฏิบัติด้วย "บัญชีแก้มลิง" ระดับบุคคล

หลักการ      ระดับบุคคล      ระดับองค์กร

การนำแนวคิด "แก้มลิง" ไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการชะลอการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่ใช่ของกินของใช้ประจำวัน เช่น การช็อปปิ้ง ดูหนังฟังเพลง หรือกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ ออกไปอยู่ในช่วงครึ่งเดือนหลังของทุกเดือน ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้เห็นเงินคงเหลือในแต่ละเดือนว่าเพียงพอต่อการจับจ่ายใช้สอยในกิจกรรมหรือรายการดังกล่าวหรือไม่ เป็นการลดปริมาณหรือจำนวนครั้งของการใช้จ่ายในแต่ละเดือนลง ซึ่งในหลายกรณี กิจกรรมหรือรายการดังกล่าวนั้น สามารถที่จะละเว้นหรือยกเลิกได้เมื่อเวลาผ่านไป

มีข้อสังเกตว่าในช่วงต้นเดือนนั้น มักมีกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายในลักษณะของการให้ส่วนลดหรือของแถมพิเศษ เนื่องจากเห็นว่าผู้บริโภคเพิ่งได้รับรายได้เงินเดือนและมีกำลังซื้อ พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยและเงินเดือนที่ร่อยหรอจึงมักเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน จึงควรพิจารณาหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นกิเลสหรือความต้องการบริโภคในลักษณะดังกล่าว

ในกรณีของการจับจ่ายใช้สอยสำหรับรายการของชิ้นใหญ่ โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่าเกินกว่าร้อยละ 50 ของเงินเดือน ให้ใช้วิธีชะลอการตัดสินใจออกไปอีก 1 เดือน เพื่อให้โอกาสตัวเองในการพิจารณาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้งว่ามีความจำเป็นต้องซื้อจริงหรือไม่เมื่อผ่านไปแล้ว 1 เดือน โดยให้นำเงินก้อนดังกล่าวฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่เปิดใหม่สำหรับใช้เป็น "บัญชีแก้มลิง" โดยเฉพาะ แยกต่างหากจากบัญชีออมทรัพย์เดิม ทั้งนี้เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของ "ค่าใช้จ่าย" ที่ได้รับการบริหารจัดการ แยกจาก "เงินออม" ซึ่งถูกกันสำรองไว้ก่อนหน้าการใช้จ่ายจากส่วนหนึ่งของเงินเดือน (สัดส่วนของเงินออมที่แนะนำคือร้อยละ 25 ของเงินเดือน)

ยอดเงินที่ปรากฏในบัญชีแก้มลิงอาจมีการระบุชื่อรายการสินค้าหรือบริการที่ต้องการกำกับไว้ด้วยก็ได้ เพื่อเป็นการเตือนความจำว่ายอดเงินจำนวนดังกล่าวนี้มาจากการบริหารจัดการมูลค่าใช้จ่ายของรายการสินค้าฟุ่มเฟือยใด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือน หากยังมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าหรือบริการนั้นอยู่ จะได้ถอนเงินออกจากบัญชีแก้มลิงดังกล่าวมาจับจ่ายใช้สอย โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินออมในบัญชีออมทรัพย์เดิม ทั้งยังเป็นการช่วยยับยั้งการนำเงินรายได้ในอนาคตมาใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือยที่อาจสร้างปัญหาภาระหนี้สินขึ้นภายหลัง